ถั่วกำหรือ โปถั่วเป็นกีฬาที่มีลักษณะเฉพาะที่มีสาระสำคัญและมีลักษณะเป็นประเทศที่เป็นจุดกำเนิดด้วยเครื่องหมายที่แสดงถึงการเล่นอย่างง่าย ๆ ที่เป็นเมล็ดถั่วหรือแหล่งที่มาอื่น ๆ เช่น… มะขามหรือบางทีอาจใช้กระดุมหรือวัตถุเล็ก ๆ แทน


วิธีการเล่นเกมกำถั่วอย่างละเอียดมีดังนี้

1. การเตรียมเกม:

ในเกมกำถั่ว จะมีเมล็ดถั่ว กระดุม หรือวัตถุเล็ก ๆ จำนวน 120-300 ชิ้น

โต๊ะเล่นจะมีช่องสำหรับวางเดิมพัน โดยมีตัวเลขตั้งแต่ 1 ถึง 4 แทนผลลัพธ์ของการเล่น

มีเจ้ามือหรือดีลเลอร์เป็นผู้ควบคุมเกม

2. วิธีการเล่น:

เริ่มเกม:

ดีลเลอร์จะนำเมล็ดถั่วหรือกระดุมมาจำนวนหนึ่ง (ปกติ 100 ชิ้นขึ้นไป) ใส่ในกองกลาง จากนั้นจะใช้ถ้วยหรือเครื่องมือในการแยกถั่วออกจากกองกลางอย่างสุ่ม จำนวนเมล็ดที่แยกออกมาจะไม่เปิดเผยให้ผู้เล่นทราบ

แบ่งถั่ว:

ดีลเลอร์จะแบ่งถั่วที่แยกออกมาเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 เมล็ด จนกว่าจะเหลือกลุ่มสุดท้าย ซึ่งกลุ่มนี้จะมีจำนวนถั่วที่เหลือระหว่าง 1 ถึง 4 เมล็ด

การวางเดิมพัน:

ผู้เล่นจะต้องวางเดิมพันก่อนที่จะรู้ผลว่าเมล็ดถั่วในกลุ่มสุดท้ายเหลือเท่าไหร่ โดยสามารถเดิมพันได้หลายรูปแบบ:

แทงเลขเดี่ยว (เต็งเลข): เดิมพันว่าถั่วในกองสุดท้ายจะเหลือกี่เมล็ด (1, 2, 3 หรือ 4)

แทงควบเลข (เลขคู่): เดิมพัน 2 ตัวเลข เช่น 1 และ 2, 3 และ 4 เพื่อเพิ่มโอกาสชนะ

แทงเลขชุด (ชุดสาม): เดิมพันแบบครอบคลุม 3 ตัวเลข เช่น 1, 2, 3 หรือ 2, 3, 4 ซึ่งมีโอกาสชนะสูงขึ้น แต่ผลตอบแทนจะน้อยลง

การตัดสินผล:

หลังจากที่ผู้เล่นวางเดิมพันแล้ว ดีลเลอร์จะแบ่งถั่วออกเป็นกลุ่มละ 4 ชิ้นตามลำดับ จนถึงกองสุดท้าย หากกองสุดท้ายมีจำนวนเท่าใด ก็จะเป็นตัวเลขที่ใช้ตัดสินผลแพ้ชนะ

3. การจ่ายเงิน:

ผู้เล่นที่เดิมพันถูกต้องจะได้รับการจ่ายเงินตามอัตราการจ่ายที่กำหนดไว้ เช่น การแทงเลขเดี่ยวมีอัตราจ่าย 1:2 หรือการแทงเลขคู่มีอัตราจ่าย 1:1.9 ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามกฎของแต่ละสถานที่

ตัวอย่างการเดิมพัน:

หากคุณแทงเลขเดี่ยว 3 และในกองสุดท้ายเหลือถั่ว 3 เมล็ด คุณก็จะชนะและได้รับเงินตามอัตราการจ่าย

หากคุณแทงควบ 1 กับ 2 แต่ผลออกมาเป็น 3 คุณก็จะเสียเงินเดิมพัน

การจบเกม:

เกมจะจบลงหลังจากที่ตัดสินผลจากกองสุดท้าย แล้วจะเริ่มรอบใหม่ โดยดีลเลอร์จะนำถั่วหรือกระดุมใหม่มาเล่นต่อไป


การลงเงิน

1. เดิมพันเต็งเลข (เดิมพันเลขเดี่ยว):

วิธีเล่น: ผู้เล่นเลือกเดิมพันเลขเดี่ยวที่คิดว่าถั่วในกองสุดท้ายจะเหลือเท่าใด (1, 2, 3 หรือ 4)

อัตราการจ่าย: 1 ต่อ 2.85 (เช่น ถ้าเดิมพัน 100 บาท จะได้กำไร 285 บาท ถ้าชนะ)

ความเสี่ยง: สูง แต่รางวัลที่ได้รับก็สูงเช่นกัน เนื่องจากมีโอกาสชนะเพียง 1 ใน 4

2. เดิมพันควบเลขสองตัว (เดิมพันเลขคู่):

วิธีเล่น: ผู้เล่นเลือกเดิมพันเลข 2 ตัว เช่น 1 กับ 2, 3 กับ 4

อัตราการจ่าย: 1 ต่อ 1.9 (เช่น ถ้าเดิมพัน 100 บาท จะได้กำไร 190 บาท ถ้าชนะ)

ความเสี่ยง: ปานกลาง เนื่องจากมีโอกาสชนะ 2 ใน 4 ทำให้มีโอกาสถูกมากขึ้นแต่ผลตอบแทนจะลดลง

3. เดิมพันควบเลขสามตัว (เดิมพันเลขชุดสาม):

วิธีเล่น: ผู้เล่นเลือกเดิมพันเลข 3 ตัว เช่น 1, 2, 3 หรือ 2, 3, 4

อัตราการจ่าย: 1 ต่อ 0.95 (เช่น ถ้าเดิมพัน 100 บาท จะได้กำไร 95 บาท ถ้าชนะ)

ความเสี่ยง: ต่ำที่สุด เนื่องจากมีโอกาสชนะ 3 ใน 4 ทำให้โอกาสชนะมีสูง แต่ผลตอบแทนจะน้อยที่สุด

4. เดิมพันคู่-คี่:

วิธีเล่น: ผู้เล่นทายว่าถั่วในกองสุดท้ายจะเหลือจำนวนเป็น “เลขคู่” (2 หรือ 4) หรือ “เลขคี่” (1 หรือ 3)

อัตราการจ่าย: 1 ต่อ 1.95 (เช่น ถ้าเดิมพัน 100 บาท จะได้กำไร 195 บาท ถ้าชนะ)

ความเสี่ยง: ปานกลาง เนื่องจากมีโอกาสชนะ 50% แต่ผลตอบแทนจะต่ำกว่าเดิมพันเลขเดี่ยว

การเลือกใช้กลยุทธ์การลงเงิน:

ความเสี่ยงสูง (เต็งเลขเดี่ยว): ถ้าคุณชอบความตื่นเต้นและต้องการรับรางวัลสูง การเดิมพันเลขเดี่ยวคือทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ต้องมีการคาดคะเนและโชค

ความเสี่ยงปานกลาง (ควบเลขสองตัว): สำหรับผู้ที่ต้องการลดความเสี่ยง การแทงควบสองตัวจะช่วยเพิ่มโอกาสชนะขึ้น แต่ผลตอบแทนก็จะลดลง

ความเสี่ยงต่ำ (ควบเลขสามตัว): ถ้าคุณไม่ต้องการเสี่ยงมาก การแทงเลขสามตัวหรือคู่-คี่ เป็นวิธีที่ดีในการรักษาทุน



#สล็อต #สล็อตเว็บตรง #สล็อตทุนน้อย #สล็อตแตกง่าย #BEO333


อ่านเพิ่มเติม


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้